รีวิว The Umbrella Academy Season 2 ฮีโรจิตหลุดกับภารกิจป่วนประวัติศาสตร์

ซีรี่ย์ตลกสุดเพี้ยนที่กลายเป็นขวัญใจของคอซีรี่ย์ไปเรียบร้อย  The Umbrella Academy Season 2ฮีโรจิตหลุดกับภารกิจป่วนประวัติศาสตร์ หลังเกิดเหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ในตอนสุดท้าย ไฟว์ (ไอแดน กัลลาเกอร์) ตัดสินใจใช้พลังย้ายมวลสารเหล่าพี่น้องของเขาไปอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกันจนได้มาบรรจบกันในช่วงเวลา 8 วันก่อนที่โลกจะถึงคราวอวสานโดยแต่ละคนได้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป ลูเธอร์ (ทอม ฮอปเปอร์) ใช้พละกำลังของแขนสุดทรงพลังกลายเป็นนักมวยสังเวียนเถื่อน

แอลลิสัน (เอมมี เรเวอร์ แลมป์แมน) ได้พบรักกับนักต่อสู้เพื่อสิทธิคนผิวสี, ดิเอโก (เดวิด คาสตาเนดา) มือมีดประจำทีมถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าหลังพยายามหยุดยั้งการสังหาร ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี ในอีก 8 วันข้างหน้า, วานญา (เอลเลน เพจ) กลายเป็นคนความจำเสื่อมในความดูแลของเมียเจ้าของฟาร์ม ส่วน เคลาส์​ (โรเบิร์ต ชีฮาน) ก็ได้กลายเป็นผู้นำลัทธิประหลาดหลังท่องไปในกาลเวลาเพื่อหาทางหยุดไม่ให้คนรักไปรบในสงครามเวียตนาม โดยมี เบน (จัสติน เอช มิน) วิญญาณที่เคลาส์สามารถสื่อสารได้เดินทางไปด้วย

แต่แล้วสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อองค์กรโฉดอย่าง เดอะ คอมมิชชัน ที่มีหน้าที่ดูแลระเบียบของประวัติศาสตร์ในแต่ละเส้นเวลา โดยมีตัวแปรสำคัญได้แก่ เดอะ แฮนด์เลอร์ (เคต วอล์ช) ที่อยู่เบื้องหลังชักใยแผนการร้ายให้ตนก้าวสู่อำนาจสูงสุดที่หวังใช้ความมุ่งมั่นของ ไฟว์ ที่จะพาทุกคนกลับบ้านเป็นช่องทางในการทำลายเหล่าสมาชิกของ ดิ อัมเบรลลา อคาเดมี

โดยภาพรวมต้องยอมรับว่าตัวซีรี่ย์ในซีซัน 2 ดูสนุกและลื่นไหลกว่าซีซันแรกมาก ทั้งที่ต้องปูประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ของอเมริกาทั้งการลอบสังหารจอห์น เอฟ เคนเนดี ในปี 1963 การเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมของคนผิวสีในช่วงเริ่มต้น ไปจนถึงสงครามเวียดนามและลัทธิประหลาดที่เกิดขึ้นในยุคดังกล่าว แต่พอซีรีส์ไม่จำเป็นต้องปูพื้นหรือบอกเล่านิสัยใจคอของตัวละครแล้ว คนดูก็จะได้เห็นพวกเขาท่องไปในช่วงเวลาประวัติศาสตร์พร้อมบุคลิกแบบป่วน ๆ กวนประสาทของพวกเขาก็ทำให้ตัวซีรี่ย์ดูสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

สนับสนุนข้อมูลโดย หนังซับไทย

Comments